วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Cornflakes Oat Raisin Cracker Cookies : คุกกี้คอร์นเฟล็ก ข้าวโอ๊ต ลูกเกด แครกเกอร์


ช่วงนี้หยุดพักร้อนหลายวัน เลยเตรียมทำขนมอร่อย ๆ ไว้ฉลองวันปีใหม่กันในครอบครัวค่ะ และก็ได้เมนูอร่อยของคุณอุ้ยมา 2 เมนูค่ะ
เมนูแรกเป็น คุกกี้คอร์นเฟล็ก ข้าวโอ๊ต ลูกเกด แต่เรามาเพิ่มแครกเกอร์ทำเป็นถาดรองตัวคุกกี้ค่ะ (เอาไว้หลอกเด็ก ๆ... แต่ก็มีผู้ใหญ่หลงมาเหมือนกันค่ะ) ซึ่งทำง่ายและอร่อยอย่างที่คุณอุ้ยบอกไว้จริง ๆ ค่ะ

สำหรับสูตรขอลอกต้นฉบับเลยนะค่ะ

ส่วนผสม สำหรับคุ๊กกี้ประมาณ 40-43 ชิ้น
·         คอร์นเฟล็ก 80 กรัม
·         ข้าวโอ๊ต 40 กรัม
·         ลูกเกด, หั่นหยาบ 40 กรัม  (เราใช้ลูกเกดสีเหลืองแทน เพราะว่าชอบกลิ่นค่ะ)
·         เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ, สับหยาบ 60 กรัม
·         ไข่ไก่เบอร์ M 1 ฟอง
·         เนยแช่เย็น 120 กรัม
·         แป้งเอนกประสงค์ 160 กรัม
·         ผงฟู 1/2 ชช.
·         เบกกิ้งโซดา 1/2 ชช.
·         เกลือ 1/8 ชช.
·         น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม
·         น้ำตาลวานิลลา 1 ซอง (8 กรัม)

สำหรับแครกเกอร์จะใช้แบบกลมหรือแบบเหลี่ยมแล้วแต่ชอบค่ะ ถ้ามีรสจืดก็จะได้รสชาติพอดีกับส่วนผสมของคุกกี้ค่ะ แต่ถ้าใช้แครกเกอร์แบบเค็ม เอาเกลือออกด้วยนะค่ะเดี๋ยวจะเค็มเกินไปค่ะ

วิธีทำ

เมื่อเตรียมของเรียบร้อยแล้วก็เตรียมถาดอบ ปูกระดาษไขรองให้เรียบร้อย แล้วอุ่นเตาอบไว้ด้วยค่ะ ถ้าใครใช้เตาอบลมร้อนก็ใช้ไฟ 160 องศาเซลเซียส หากใช้ไฟบน-ล่าง ธรรมดาก็ใช้ไฟ 180 องศาเซลเซียสค่ะ

ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือรวมกัน ส่วนน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลวานิลาก็ผสมกันไว้ค่ะ ส่วนเนยก็หั่น เป็นลูกเต๋าเล็กๆ นำเนยใส่อ่างผสม ตีด้วยความเร็วกลางให้เนียน แล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกันจนเนยฟู แล้วจึงใส่ไข่ลงไปตี ให้เข้ากับเนย จากนั้นเปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำสุด ใส่ส่วนผสมแป้งกับผงฟู เมล็ดมะม่วงหิมพานต์สับ ข้าวโอ๊ต และลูกเกดลงไปตีแค่พอเข้ากัน สุดท้ายใส่คอนเฟล็กส์ ใช้ไม้พายคน 3-4 ครั้งพอเข้ากับส่วนผสมอื่น

เราใช้ช้อนทานข้าวสองคันทำเป็นก้อนกลม แล้ววางคุกกี้ลงบนแครกเกอร์ และใช้ช้อนซ้อมกดให้แบบนิดหนึ่ง แล้วก็ใส่คอนเฟล็กส์เพิ่มอีกหน่อย วางเรียงบนถาดอบที่ปูกระดาษไขไว้ นำเข้าอบประมาณ 16-18 นาที
พอสุกแล้วนำออกมาวางบนตะแกรงให้เย็นอุณหภูมิห้องก่อนเก็บในขวดโหลค่ะ


ตอนทำเราทำทั้งแบบไม่ได้รองตัวคุกกี้ด้วยแครกเกอร์ และรองด้วยแครกเกอร์ค่ะ อร่อยเช่นกันค่ะ  ขอบคุณคุณอุ้ยมาก สำหรับคุกกี้อรอ่ย ๆ ค่ะ

Fancy Cookies : คุกกี้แฟนซี

คุกกี้แฟนซีเป็นเมนูที่สองจากบล๊อกของคุณอุ้ยค่ะ เราพยายามทำลายสวย ๆ แบบคุณอุ้ยหลายรอบ เพื่อที่จะให้สมกับคุกกี้แฟนซึ แต่ก็ไม่สามารถจริง ๆ ค่ะ เลยมาลงเอยที่รูปหัวใจแทนแบบนี้ค่ะ


ส่วนผสมและวิธีทำขออนุญาตนำของคุณอุ้ยมาลงเลยนะค่ะ

ส่วนผสม
  • แป้งเอนกประสงค์ 250 กรัม 
  • ผงฟู 1/4 ชช.
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ชช.
  • เนยสด 150 กรัม 
  • น้ำตาลทรายป่น 90 กรัม 
  • กลิ่นวานิลลาบัทเทอร์ 1 ชช. 
  • เกลือป่น 1/4 ชช. 
  • ไข่ไก่ขนาดเล็ก 1 ฟอง
  • งโกโก้ / ผงชาเขียว 4 กรัม
  • กลิ่นส้มชนิดผง 1/2 ชช. (ถ้าใช้ชาเขียวไม่ต้องใส่ค่ะ)
วิธีทำ

ร่อนแป้ง เบคกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือรวมกัน 2 ครั้ง ผงโกโก้กับกลิ่นส้มชนิดผงผสมกันไว้ค่ะ 

ใส่เนยในอ่างผสม ตีให้เนยเนื้อเนียนดีแล้วค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไปตีรวมกันจนน้ำตาลหมด แล้วจึงใส่ไข่ลงไปตีให้เข้ากันดีกับเนยค่ะ  จากนั้นใส่ส่วนผสมแป้งลงไปตีด้วยความเร็วต่ำสุดแค่พอเข้ากัน ดูว่าแป้งมีลักษณะ เหมือนเมล็ดถั่วก็ใช้ได้ค่ะ

แบ่งแป้งออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน ส่วนหนึ่งทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้า อีกส่วนหนึ่งผสมกับผงโกโก้และกลิ่นส้ม (หรือผงชาเขียว) นวดให้เข้ากันแล้วทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยมผืนผ้าเช่นกันค่ะ  ปูกระดาษไขหรือพลาสติกใสสองแผ่นบนโต๊ะ นำแป้งสีขาวมาคลึงบนกระดาษไขเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนาประมาณ 1/2 ซม. ห่อพลาสติกใสแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซประมาณ 10 นาทีค่ะ

ส่วนแป้งสีโกโก้หรือสีเขียวก็คลึงให้มีขนาดเท่าๆ กับสีขาว ห่อพลาสติกใสแล้วแช่ช่องฟรีซอีก 10 นาทีเช่นกันค่ะ

เมื่อครบเวลาแล้วนำแป้งสีขาวออกมาจากช่องฟรีซ หากจะทำลายวนก็ลูบด้านบนของแผ่นแป้งด้วยน้ำเย็นบางๆ ให้ทั่ว จากนั้นก็นำแป้งสีโกโก้ออกมาวางซ้อนบนแผ่นแป้งสีขาว กดเบาๆ แค่พอแป้งติดกัน จัดการม้วนแป้งเข้าด้วยกันแล้วห่อด้วยพลาสติก นำเข้าช่องฟรีซอีก 20 นาที เพื่อให้แป้งแข็งตัว เวลาตัดผิวจะได้เรียบสวยและตัดง่ายไม่ติดมีดด้วยค่ะ 


หากมีเศษแป้งเหลือก็นำมาคลึงบาง ๆ ให้มีขนาดใหญ่พอที่จะคลุมแท่งคุ๊กกี้ได้ ก็คลึงแล้วก็คลุมหุ้มเก็บริมให้ทั่ว แล้วห่อพลาสติกแช่ช่องฟรีซ 20 นาทีค่ะ เมื่อแป้งแข็งตัวดีแล้ว อุ่นเตาอบไว้ที่ 180C ถาดที่จะใช้อบปูกระดาษไขไว้ให้เรียบร้อย..นำแป้งออกจากช่องฟรีซ แล้วใช้มีดคมบาง ตัดเป็นชิ้นหนาประมาณ 1/2 ซม. วางบนกระดาษไข โดยเว้นระยะห่างในแต่ละชิ้นประมาณ 1 นิ้ว นำถาดวางบนชั้นกลางของเตาอบ ใช้เวลาอบประมาณ 10 นาทีค่ะ 


สำหรับเรานำแผ่นแป้งทั้ง 2 สี มาประกบกันแล้วก็ใช้พิมพ์กดแทนค่ะ (ไม่สามารถจริง ๆ เลยค่ะ) วิธีทำแบบละเอียดแวะชมที่ web ของคุณอุ้ยที่นี้ค่ะ http://varithorn.blogspot.com/2009/05/blog-post_9608.html

วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

The perfect companion for An-chan Ice Cream



ช่วงนี้ดอกอัญชันที่บ้านยังบานสะพรั่งเช่นเคยค่ะ เลยช่วยกันเก็บดอกอัญชันมาทำไอศครีมทานกันอร่อย ๆ ในวันหยุด ประโยชน์ของอัญชันมีมากมาย สำหรับสีของดอกอัญชันนั้นช่วยบำรุงเส้นผม และทำให้ผมมีสีดำสวยค่ะ


เอ๊ะ ๆ สาวน้อยของเราหายไปไหนค่ะ  มาแล้วค่ะ ๆ มาพร้อมกับคิ้วที่เข้มไปด้วยสีของดอกอัญชันค่ะ สงสัยอยากสวยกับเขาบ้าง


มาดูส่วนผสมกันเลยค่ะ ซึ่งดัดแปลงมาจากวนิลาไอศรีม บล๊อกของคุณน้อง bake-at-home  ต้องขอบคุณสำหรับไอศครีม อร่อย ๆ ค่ะ
ส่วนผสม
1. น้ำดอกอัญชัน       2 ช้อนโต๊ะ (120 ดอก)        
2. นมสด                1  ถ้วยตวง (250 g)
3. Whipping Cream 2 ถ้วยตวง
4. น้ำตาลทราย     1/2 ถ้วยตวง + 1 ช้อนชา (ถ้าใช้น้ำตาลทรายแดง จะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำตาล)
5. วานิลาผง             2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ล้างดอกอัญชันให้สะอาด แล้วคั่นเอาแต่น้ำ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ พักไว้ก่อน
1. นำนมสด whipping cream น้ำตาลทราย และวานิลาใส่หม้อคนให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ ใช้ช้อนไม้คนเบา ๆ จนเคลือบหลังช้อน ประมาณ 5 นาที ใส่น้ำดอกอัญชัน คนให้เข้ากันแล้วยกลงจากเตา นำมากรองเอาผงออก แล้วพักไว้ให้เย็น
4. เมื่อส่วนผสมเย็นแล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วก็นำมาปั่นในเครื่องทำไอศครีม
ตามวิธีทำของแต่ละเครื่องค่ะ
5. ปั่นไอศครีมเรียบร้อยก็ตักใส่กล่องพลาสติกหรือพิมพ์ไอศครีมแบบน่ารัก ๆ แล้วแช่เย็นไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็ทานได้แล้วค่ะ



ถ้าจะให้อร่อยแบบครบครันต้องทานคู่กับสหายของเค้า น้ำอัญชันค่ะ ถึงจะสมกับ The perfect companion for An-chan Ice Cream แบบนี้ค่ะ



วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

An-chan Juice


                        
ช่วงนี้เห็นอัญชันที่บ้านออกดอกบานสะพรั่ง สวยจังเลยค่ะ อัญชันเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยล้มลุกขนาดเล็ก มีเถาขนาดเล็กและอ่อน ดอกอัญชันจะเป็นดอกเดี่ยว และจะออกดอกเป็นช่อตามปลายยอด อัญชันจะมีทั้งชนิดดอกราและดอกซ้อน ดอกมีหลายสี เช่น สีน้ำเงินอมม่วง สีม่วง สีฟ้า สีขาว ลักษณะของดอกมี 2 กลีบ เมื่อกลีบดอกบานเต็มที่จะมองเห็นลักษณะของดอกคล้ายดอกถั่ว หรือปีกผีเสื้อ เมื่อดอกโรยก็จะติดฝัก อัญชันเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกตลอดปี


ทีนี้พวกเรามาช่วยกันเก็บดอกอัญชัน มาทำน้ำอัญชันทานกันในยามบ่ายเลยนะค่ะ


ส่วนผสมมี 4 อย่าง ตามนี้เลยค่ะ
1. ดอกอัญชัน           20    ดอก
2. น้ำเปล่า               4      ถ้วย
3. น้ำตาลทรายแดง   6-8  ช้อนโต๊ะ (ถ้าชอบหวานก็ใส่น้ำตาล 8 ช้อนโต๊ะ)
4. น้ำมะนาว             1      ลูก

วิธีทำ
  1. ตัดก้านสีเขียวของดอกอัญชันออกแล้วล้างให้สะอาด
  2. เตรียมน้ำเปล่าใส่หม้อ และใส่ดอกอัญชัน ต้มให้สุก จะได้น้ำเป็นสีน้ำเงิน
  3. ใส่น้ำตาล พอน้ำตาลละลาย ก็ยกลงจากเตา กรองเอาดอกอัญชันออก
  4. ใส่น้ำมะนาวได้เลยค่ะ (น้ำมะนาวนี้จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ถ้าใส่จะทำให้น้ำอัญชันเป็นสีม่วงอ่อน ๆ และได้รสชาติหวานอมเปรี้ยวกำลังดีค่ะ)
  5. เมื่อน้ำอัญชันเย็นแล้ว มาผสมกับน้ำแข็งทานได้เลยค่ะ


แก้วนี้ทานแล้วสดชื่นและชุ่มคอดีค่ะ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Snail Bread made by my daughter

สวัสดีค่ะ วันนี้ชวนมาร้องเพลงและทำขนมปังกับเด็ก ๆ ที่โรงเรียนอนุบาลบ้านรักกัน เริ่มเลยค่ะ

วันนี้พวกเรามาทำขนมปัง ขนมปัง ขนมปัง
วันนี้พวกเรามาทำขนมปัง ทุก ๆ วันอังคาร




การทำขนมปังนี้เป็นกิจกรรมหนี่งที่เด็ก ๆ จะได้ทำกันเป็นประจำทุกวันอังคาร


เรามาดูซิว่าขนมปังของสาวน้อยชิ้นนี้ มีที่มาที่ไปกันอย่างงั้ยบ้าง ซึ่งในสมัยที่สาวเจ้าเป็นเด็กเล็ก เริ่มเดินได้ ก็ชอบชวนไปดูหอยทากที่สนามหญ้าทุกวัน และเมื่อเห็นหอยทากเดินมา สาวเจ้าจะเรียกหอยทาก ว่า "รถปูน รถปูน" มาแล้ว แต่ว่าเราจะมาเรียกขนมปังชิ้นนี้ว่า ขนมปังรถปูน ก็อย่างงั้ย ๆ อยู่หน่ะ


สาวเจ้าก็เลย ขอตั้งชื่อขนมปังชิ้นนี้ว่า "ขนมปังหอยทาก" เหมาะสมกันไหมค่ะ


พวกเราถือว่าขนมปังชิ้นนี้ เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ของสาวน้อยของเราเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เพียรพยายามปั้นมากว่า 365 ครั้ง นับจากอนุบาลหนึ่งจนจะจบอนุบาลสาม นับไม่ถูกเลยว่าปั้นได้ก็ชิ้นแล้ว


ขนมปังที่ปั้นมาแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน บางครั้งเป็นรูปดอกลีลาวดี ดอกซากุระ แบบกลม แบบแบน แบบยาว และหอยทากทั้งอ้วนและผอมเลยค่ะ





ทุกครั้งที่ทำขนมปังกลับมาจากโรงเรียนแล้ว สาวน้อยของเราจะนำขนมปังไปจัดใส่พานถวายพระเกือบทุกครั้ง ประมาณว่าของเขาใครห้ามแตะเขาทำเองค่ะ




ส่วนผสมนี้ได้มาจากวันที่ไปประชุมผู้ปกครองของโรงเรียนค่ะ ซึ่งผู้ปกครองก็ได้ช่วยกันทำขนมปังค่ะ ทั้งขย้ำและขยุ้มค่ะ





เห็นส่วนผสมต่าง ๆที่คุณครูติ๊กวาดรูปไว้ สงสัยจะเริ่มหิวกันแล้ว ลงมือทำได้เลยค่ะ










เวลาผ่านไป .... เสียงเตาอบดังติ๊ง     เราก็ได้ เจ้าขนมปังหอยทาก ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ




แบ่งกันคนละนิด คนละหน่อยนะค่ะ อร่อย ๆ ค่ะ

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Wonderful Flower with Butter Cake

หอมเอย หอมกลิ่น ..... สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นวันหยุด เลยชวนมาทานขนมและชมสวนกันเพลิน ๆ ค่ะ 

ที่ว่าหอม ๆ กลิ่น...นั้นเป็นกลิ่นดอกพุดน้ำบุษย์กับบัตเตอร์เค้ก ถ้าทำเป็นน้ำหอมสงสัยจะขายไม่ทันนะเนี่ย....

ดอกพุดน้ำบุษย์ เป็นดอกไม้ที่ทุกคนในบ้านชื่นชอบมากค่ะ เมื่อแรกแย้มบานดอกจะเป็นสีออกขาวนวลส่งกลิ่นหอมมาก หอมไกล 2 - 3 เมตร เมื่อบานเข้าวันที่สองสีจะเริ่มออกเหลืองอ่อน ต่อมา ค่อยๆ เหลืองเข้มจนกระทั่งเข้มจัด ดอกบานจะบานนาน 7 วัน ออกดอกตลอดทั้งปี กลิ่นหอมตลอดวัน อย่างวันหยุดช่วงนี้พวกเราได้พาบัตเตอร์เค้กจานนี้ไปทานกันที่ส่วนข้างบ้าน พร้อมกับกลิ่นหอม ๆ ของดอกพุดน้ำบุษย์ บรรยากาศดี ๆ ขนมยิ่งอร่อยค่ะ

ดอกพุดน้ำบุษย์นี้ สาวน้อยของเราจะนำไปจัดแจกัน และประดับที่โต๊ะอาหารหรือบ้านนิทานค่ะ


บางวันก็เก็บไปไว้ในห้องนอน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้หลับสบายและสดชื่นเหมือนได้เข้าสปาเลยทีเดียวค่ะ


ต้นไม้ก็ปลูกง่าย ขนมก็อร่อย ลองดูค่ะ





....ไม่รู้ตำราหายไปไหนแล้ว เดี๋ยวกับมา post ให้ค่ะ


ช่วงที่รอสูตร ขออีกรูปนะค่ะ





วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Almond Cookies with Thai Dance .. Loi-Krathong Festival at Baan Rak Kindergarten


สวัสดีค่ะ คงจำกันได้บ้างนะค่ะ ว่าสมัยเป็นเด็ก ๆ เด็กส่วนใหญ่จะได้รำไทยกันบ้างในเทศกาลต่าง ๆ ของโรงเรียนกัน และในปีนี้เป็นปีที่พิเศษมากเลยสำหรับเรา  ขอกระซิบค่ะ วันนี้ได้ย้อนวัยไปอีก
นิดหนี่งค่ะ ไปรำเซิงกะลากับสาวน้อยที่โรงเรียนในวันลอยกระทงค่ะ ค่อยข้างตื่นเต้นทีเดียวเลยค่ะ

ซึ่งปีนี้เป็นปีที่สาวน้อยจะจบอนุบาล 3 แล้วค่ะ เด็ก ๆ ชั้นอนุบาล 3 จะได้รำวงกับคุณแม่กันทุกคน เพื่อว่าเมื่อจบอนุบาล 3 แล้ว เด็ก ๆ จะก้าวออกไปข้างนอกอย่างกล้าหาญในโลกของการศึกษาต่อไป

งานเริ่มตอนเย็นของวันศุกร์ ที่ 19 พฤศจิกายน 2553 ซึ่งคุณพ่อหรือคุณแม่จะต้องไปแสดงฝีมือการทำกระทงให้ลูก ๆ ในวันนั้นด้วยค่ะ ซึ่งเรามีภาพการทำกระทงแบบง่าย ๆ มาฝากด้วยค่ะ หวังว่าจะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้ทำกระทงไปลอยกันในครอบครับในปีนี้ด้วยค่ะ

เมื่องานเริ่มช่วงเย็น ๆ แบบนี้สาวน้อย และเด็ก ๆ ต้องหิวกันแน่เลย นึกได้เช่นนี้ ก็ำลงมือทำคุกกี้อัลมอลด์ อร่อย ๆ ทันทีเลยค่ะ ชอบสูตรของคุณดาว (host ในดวงใจ) ตรงที่ไม่มีส่วนผสมของผงฟู หรือเบกกิ้งโซดาค่ะ ส่วนผสมทางนี้เลยค่ะ

ส่วนผสม
125 กรัม เนยเค็ม เอาออกจากตู้เย็นแล้วใช้ได้เลย (ถ้าใช้เนยไม่เค็ม ให้เติมเกลือ 1/2 ช้อนชาค่ะ)
3/4 ถ้วย น้ำตาลป่น
1 ไข่ (ใบใหญ่)
1/2 ช้อนชา กลิ่นอัลมอนด์
1/4 ถ้วย อัลมอนด์ทุบ ใช้ปั่นด้วยเครื่องก็ได้ แต่อย่าให้ละเอียดค่ะ
1 ถ้วย อัลมอนด์สไลด์
1 ถ้วย แป้งอเนกประสงค์

วิธีทำ
1. เปิดเตาอบรอค่ะ ไฟที่ 350 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 175 องศาเซลเซียส
2. เปิดเครื่องผสม ความเร็วปานกลาง ผสมเนยกับน้ำตาลให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่และกลิ่นอัลมอนด์
เคล็ดไม่ลับ คือ เนย เอาออกมาจากตู้เย็น อย่าทิ้งให้เหลวค่ะ ไม่งั้นคุกกี้จะบานแบนค่ะ
3. ปั่นๆเสร็จแล้ว เข้ากันดี ให้ได้ขึ้นฟูไม่เหลว
4. ผสมแป้ง อัลมอนด์ทุบ ใช้เครื่องปั่น ความเร็วปานกลาง ปั่นแค่ให้ผสมพอเข้ากันเท่านั้น อย่าปั่นนาน
5. ใช้ช้อนสองคัน ตักเป็นลูกกลม ขนาด 1 นิ้วครึ่ง จะได้ทั้งหมดประมาณ 15-17 ลูก
6. นำไปคลุกกับอัลมอนด์สไลด์แล้ววางเรียงในถาด 9 ลูก ควรจะให้ห่างกันพอประมาณ เพื่อไม่ให้คุกกี้ไหลมาติดกันด้วยค่ะ
7. นำเข้าเตาอบ ประมาณ 15-18 นาที ถ้ามีสีเหลืองทองถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ
8. พอคุกกี้สุกแล้ว นำออกจากเตา ให้ทิ้งไว้ให้เย็นในถาด 1 นาทีแล้วค่อยแซะไปวางบนตะแกรง


**ในข้อ 4 เราใช้เป็นอัลมอลด์มีลแทนค่ะ (เหลือมาจากการทำมาคารอง หุ หุ)



ตอนอบเสร็จใหม่ ๆ หายไปหนึ่งตะกร้าแล้วค่ะ


กระกร้านี้สำหรับเด็ก ๆ ในงานค่ะ ผลออกมาอร่อยและอิ่มทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ปลื้มใจจังค่ะ .....



ลองมาดูการทำกระทงแบบง่าย ๆ กันค่ะ





                       หลังจากทำจีบและกลัดใบตองเสร็จแล้ว ก็ประดับด้วยดอกไม้ตามชอบค่ะ

   
                       รูปนี้เสร็จแล้วค่ะ



                  บรรยากาศในงานวันลอยกระทง ที่โรงเรียนอนุบาลบ้านรักประจำปี 2553



พวกเราอนุบาล 3 มาลอยกระทงด้วยกันนะ เปรม วีวี่ โทโมกิ และธีร์




รูปข้างล่างนี้จำกันได้หรือเปล่าว่าใครเป็นใคร บรรดาคุณแม่ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ญี่ปุ่นหรือคุณแม่ไทยที่ร่วมแสดงในงานค่ะ ซึ่งมีการแสดง 4 ชุด ได้แก่ ชุดระบำศรีวิชัย ชุดกฤษดา เซิงชุดพิเศษที่แสดงโดยคุณครู และเซิงกะลาของเด็กอนุบาล 3 ลองหาดูค่ะ ...

                             
สุดท้ายผู้ร่วมงานทุกคนรำวงวันลอยกะทงด้วยกัน สนุก สุขใจ กันถ้วนหน้าเลยค่ะ
ลอย ๆ กระทง ลอย ๆ กระทง ลอย ๆ กระทง ..........


ขอขอบคุณโรงเรียนอนุบาลบ้านรัก (http://baanrakfoundation.com/
และสุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ







วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

My second bakery at Baan Rak Bazzar

สวัสดีค่ะ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2553 นี้ เราจะพามาชมบรรยากาศงานครบรอบวันเกิดโรงเรียนอนุบาลบ้านรัก ปีที่ 26 ค่ะ ซึ่งทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมที่เรียกว่า Baan Rak Bazzar ขึ้นทุกปีในวันนี้


โดยทางผู้ปกครองจะช่วยกันทำงานฝีมือต่าง ๆ และอื่น ๆ มาจำหน่ายในงานนี้ร่วมกัน เพื่อมอบรายได้ให้แก่มูลนิธิบ้านรักhttp://baanrakfoundation.com/ ค่ะ


ในวันนี้ทางโรงเรียนได้เตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารให้เด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3 ทำขายในงานนี้ด้วย ซึ่งเด็ก ๆ จะเฝ้ารอวันนี้เพราะว่าเด็ก จะได้เป็นผู้ผลิต บรรจุภัณฑ์ และจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ที่เข้ามาร่วมงานด้วยค่ะ

มาดู Highlight ของงานเลยค่ะ ... เอ๊ะเด็ก ๆ ทำอะไรกันนะ หอมจังเลย ...
ฝ่ายผลิต และบรรจุภัณฑ์ เริ่มแล้ว .....















บรรจุภัณฑ์ จากฝีมือเด็ก ๆ













ฝ่ายขายพร้อมไหมค่ะ ....
โทโมกิ คุง... พร้อมครับ ..เปรมยุดา... พร้อมค่ะ ... คาโอรูโกะ จัง.... พร้อมค่ะ
วีวี่จัง.. พร้อมค่ะ  ลุย .........



มีอะไรมาขายบ้างเด็ก ๆ มีแซนวิส กับ ข้าวโพดอบเนยค่ะ
ราคาเท่าไรค่ะ 10 บาทค่ะ  ขายดีไหมค่ะ ขายดีมากเลยค่ะ ชุดนี้ชุดสุดท้ายแล้วค่ะ
เหมาเลยได้ไหมค่ะ ...ได้คนละชิ้นค่ะ 555 (มีลูกค้ารออยู่อีกหลายคนค่ะ)


ด้านล่างเป็นงานฝีมือที่ทางคุณแม่นำมาร่วมงานนี้ค่ะ









วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Tea Break with "Banana Soft Cookies"

สวัสดีค่ะ วันนี้มีคุกกี้กล้วยหอม แบบนิ่ม มาฝากค่ะ
ก่อนหน้านี้โดยส่วนตัวแล้วชอบทานกล้วยหอมแบบสดๆ มากกว่าเอามาทำขนม แต่หลังจากที่หลงใหลในการทำขนมแล้ว กลับกลายเป็นชอบขนมทุกอย่างที่มีส่วนผสมของกล้วยหอม ไม่ว่าจะเป็น มัฟฟิ่น กล้วยหอม, มัฟฟิ่นดับเบิ้ล ซ็อคโกแลต กล้วยหอม และวันนี้เห็นกล้วยหอมที่บ้านสุกหอมพอดี ก็เลยเอามาทำคุกกิ้กล้วยหอมแบบนิ่มทานกันเล่น ๆ ค่ะ (สูตรจะตามมาที่หลังค่ะ)




ช่วงบ่าย ๆ เรามีคุกกี้มาเสริฟ์พร้อมชา กลิ่นหอม ละมุน อีกรอบค่ะ



ขอขอบคุณพี่ปุ้ย สำหรับ
ชาหอม ๆ ที่ทำให้คุกกี้
ของเราอร่อย ขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Carrot Cup Cake


สวัสดีค่ะ ช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติติ์ ไปได้ตำราอาหารดี ๆ มาหลายเล่มเลยค่ะ และไปแวะร้าน Asia book เลยได้หนังสือให้สาวน้อย 2 เล่มค่ะ ในระหว่างรอผู้ใหญ่ที่บ้านเลือกหนังสือ เราสองคนกับสาวน้อยก็แอบอ่านหนังสือนิทาน ของ Beatrix Potter ชุด Benjamin Bunny, Peter Rabbit, Tom Kitten and Squirrel Nutkin (ไม่ได้อุดหนุนค่ะ พอดีที่บ้านมีแล้ว) อ่านทีไรก็สนุก และเห็นกระต่ายกินผักกาดกันอย่างเอร็ดอร่อยเลยค่ะ เราก็เลยอยากทำขนมที่มีส่วนผสมของผักบ้าง แล้วก็มาลงตัวที่ Carrot Cup Cake นี้เองค่ะ


ซึ่งสูตรนี้เป็นสูตรประจำครอบครัวเลยค่ะ ตอนทำเสร็จประมาณ 4 ทุ่มค่ะ โอ้โห้ กลิ่นอะไรเนี่ย หอมจริง ๆ ขอสักชิ้นหน่า จะดีไหมหนอ หุ หุ ....หอมเครื่องเทศ นุ่ม กลมกล่อม เนื้อเค้กไม่แน่นมาก... ^-^ ลองดูค่ะ


ส่วนผสม   สูตรนี้ได้คัพเค้ก 10 ถ้วย
แป้งเค้ก ..................... 125 กรัม
ผงฟู ………………………. ½  ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา ……………. ½ ช้อนชา
ผงลูกจันทร์ป่น …………. ¼ ช้อนชา
ผงอบเชยป่น…………….. ¼ ช้อนชา
ผงขิงป่น…………………… ¼ ช้อนชา
เกลือป่น ………………….. ½ ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง ……….. 100 กรัม
น้ำมันพืช (น้ำมันรำข้าว) .. ½ ถ้วย
น้ำผึ้ง………………………… 1 ช้อนชา
ไข่ไก่…........................ 2 ฟอง
แครอท ………............... 1 ถ้วย
อัลมอลด์บดหยาบ........... ½ ถ้วย
ลูกเกดดำ หรือลูกเกดเหลือง.. 1/2 ถ้วย (นำออกมาจากตุ้เย็น วางไว้ที่อุณภูมิห้อง เวลาอบจะได้ไม่แข็ง หรือจะแช่น้ำเปล่า ประมาณ 15 นาที)



วิธีทำ

1. วอรม์เตาที่ 180 องศา ไฟบ่นและไฟล่าง (เราใช้ 190 องศา เพราะชอบเค้กหน้าแตกนิดหนึ่ง)
2. ร่อนแป้ง ผงฟู เบกิ้งโซดา ผงลูกจันทร์ ผงอบเชย และผงขิง เข้าด้วยกัน 2 รอบ
3. ผสมแครอท อัลมอลต์ ลูกเกดดำ และแป้งนิดหน่อย พอเข้ากัน พักไว้
4. ผสมน้ำตาล ไข่ คนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำผึ้ง และน้ำมันพืช คนพอเข้ากัน แล้วนำส่วนผสมในข้อสามมาผสมให้เข้ากัน
5. ค่อย ๆ ผสมแป้งลงไป และคนอย่างเบามือ จนส่วนผสมเข้ากัน
6. ตักเขาอบ ประมาณ 25-30 นาที เมื่อสุกแล้วขนมจะส่งกลิ่นหอมมาก ๆ ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มดู ถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดออกมา แสดงว่าสุกแล้ว ยกถาดออกมาพักไว้ 5 นาที หลังจากนั้นยกกระทงขนมออกมาพักไว้บนตะแกรงประมาณ 20 นาที ทานได้เลยค่ะ

ครีมฟรอสติ้ง
1.      ครีมขีส ............. 113 กรัม
2.      เนย ...................¼ ถ้วย
3.      น้ำตาลไอซิ่ง .......3/4 ถ้วย
4.      ถุงบีบ และหัวบีบแบบที่ชอบ

วิธีทำ
1.นำครีมชีสและเนยใส่อ่าง พักไว้ในอุณหภูมิห้องแล้วตีด้วยความเร็วปานกลางให้เข้ากัน
2.ส่น้ำตาลไอซิ่งทีละน้อย ตีให้เข้ากันจนหมด
3.ตักใส่ถุงบีบ แต่งหน้าเค้กได้เลยค่ะ

แบบไม่แต่งหน้าเค้ก ทานกับน้ำชาอุ่นร้อน ๆ ก็เข้ากันค่ะ